ขณะที่กำลังดำเนินกิจวัตรประจำวัน หรือออกกำลังกาย เล่นกีฬา แล้วได้รับบาดเจ็บ ฟกช้ำ บวม ข้อเท้าแพลง หรือมีบาดแผลฉีกขาด มีเลือดออก เจลประคบร้อนเย็นจะมีประโยชน์ในการบรรเทาอาการปวดบวม หรืออักเสบ แต่เมื่อถึงเวลาที่ต้องใช้จริง หลาย ๆ ท่านก็ยังสับสนว่า จะเลือกใช้เจลเพื่อประคบร้อนหรือเย็นดี การรักษาบรรเทาอาการจึงจะได้ผลเต็มประสิทธิภาพ ดังนั้น ในบทความนี้เราจะพาคุณมาทำความเข้าใจหลักการของการประคบเย็นและประคบร้อน พร้อมแนะนำวิธีใช้งาน และช่วงเวลาที่เหมาะสม
การประคบร้อนคืออะไร?
การประคบร้อน คือ การใช้ความร้อนมาช่วยให้เส้นเลือดขยายตัว ซึ่งจะช่วยเพิ่มการไหลเวียนของเลือด ทำให้เลือดไหลเวียนมาหล่อเลี้ยงบริเวณนั้นเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังช่วยนำออกซิเจนและเม็ดเลือดขาวมาซ่อมแซมเนื้อเยื่อ และดูดกลับของเสียได้เร็วขึ้น ส่งผลให้การซ่อมแซมการบาดเจ็บดีขึ้น กล้ามเนื้อคลายตัว ช่วยบรรเทาอาการปวด ลดการสร้างพังผืด และทำให้แผลหายไวขึ้นได้
การประคบเย็นคืออะไร?
การประคบเย็น คือ การใช้ความเย็นมาช่วยให้เส้นเลือดหดตัว ทำให้เลือดออกน้อยลง ทั้งเลือดที่ออกนอกร่างกายจนสามารถเห็นได้ชัด และเลือดที่ออกในร่างกาย ซึ่งจะช่วยลดอาการบวมให้น้อยลงและยุบบวมเร็ว เพราะมีการดูดซึมน้ำกลับเข้าหลอดเลือด นอกจากนี้ ความเย็นยังช่วยลดการนำกระแสประสาทที่รับความรู้สึกเจ็บปวด ทำให้บรรเทาอาการปวด บวม และอักเสบได้
ประคบร้อน ประคบเย็น อาการไหนบ้าง
อาการที่เหมาะกับการประคบร้อน
เหมาะกับการประคบหลังจากมีอาการผ่านไปแล้ว 48 ชั่วโมง เพื่อลดอาการปวดและผ่อนคลายกล้ามเนื้อ อาการที่ควรประคบร้อน เช่น ปวดกล้ามเนื้อ, ปวดคอ, ปวดหลัง, ปวดประจำเดือน, ปวดข้อ, ปวดฟัน, เต้านมคัดตึงในสตรีให้นมบุตร, คัดจมูก, เมื่อยล้าสายตา, อาการไม่สบายผิวเนื่องจากการแพ้, ใต้ตาคล้ำ, อาการหลังรูมาติซึม, ตากุ้งยิง เป็นต้น
อาการที่เหมาะกับการประคบเย็น
เหมาะกับการประคบเมื่อต้องการบรรเทาอาการปวด อาการอักเสบในระยะเฉียบพลัน ในช่วง 24 – 48 ชั่วโมงแรกหลังได้รับบาดเจ็บ เพื่อลดอาการปวด แสบร้อน และลดบวม เช่น ปวดศีรษะหรือมีไข้สูง, ปวดเมื่อยตามร่างกาย, ปวดฟัน, แผลน้ำร้อนหรือไฟลวกที่ไม่รุนแรง, ข้อเคล็ด, บาดเจ็บหลังการเล่นกีฬา, แมลงสัตว์กัดต่อย, เลือดกำเดาไหล, มีดบาด, แผลหลังผ่าตัด, หลังถอนฟัน, ถูกแดดเผา, ตาบวม, อาการก่อนรูมาติซึม, ก่อนเป็นไมเกรน เป็นต้น นอกจากนี้ยังสามารถใช้เพื่อเพิ่มความสดชื่น และผ่อนคลายความเครียดได้อีกด้วย
วิธีการประคบร้อนและประคบเย็น
วิธีการประคบร้อน
สำหรับวิธีการประคบร้อน สามารถทำได้โดยการใช้แผ่นแปะแก้ปวด หรือเจลประคบร้อนเย็นไปอุ่นประมาณ 3 นาที หรือนำไปแช่ในน้ำร้อนประมาณ 3-5 นาที และพักไว้สักครู่จนมีอุณหภูมิที่เหมาะสมกับบริเวณที่ประคบ โดยให้ประคบร้อนเพียงครั้งละ 10-15 นาที เพื่อป้องกันไม่ให้ผิวหนังเกิดการไหม้ สำหรับคนที่ไม่มีเวลาก็สามารถใช้วิธีอาบน้ำอุ่นหรือน้ำร้อนได้เช่นกัน
วิธีการประคบเย็น
การประคบเย็น จะช่วยบรรเทาอาการปวดคอที่เกิดจากการบาดเจ็บเฉียบพลัน ร่วมกับมีอาการบวม แดง ร้อน โดยให้นำเจลประคบเย็นแช่ที่ช่องธรรมดาของตู้เย็น หรือช่องทำน้ำแข็ง เพื่อให้ได้ความเย็นที่ต้องการ เมื่อจะนำแผ่นเจลมาใช้ควรห่อด้วยผ้าก่อนหากนำไปแนบผิวโดยตรงอาจเป็นอันตรายต่อผิวหนังได้ ประคบทิ้งไว้ประมาณ 15-20 นาที เพื่อให้ความเย็นแผ่ลงกล้ามเนื้อ โดยสามารถทำซ้ำได้ทุก ๆ 2-4 ชั่วโมง ใน 24 ชั่วโมงแรก หรือทำซ้ำเมื่อผิวหนังกลับสู่อุณหภูมิปกติ หลังจากนั้นประคบห่างลง เป็น 3 – 4 ครั้งต่อวัน
ในวันที่ 2 ควรให้บริเวณบาดเจ็บอยู่นิ่ง ๆ และยกสูงกว่าระดับหัวใจ ไม่ควรนวด คลึง บริเวณที่บาดเจ็บ เพราะจะยิ่งทำให้มีเลือดออก และบวมมากขึ้น หลังจากนั้น 2-3 วัน (ตามแพทย์สั่ง) จึงค่อยประคบร้อนเพื่อลดรอยฟกช้ำ
เจลประคบร้อนเย็นในชิ้นเดียว ตัวช่วยลดอาการปวด บวม เกร็งที่ใช้งานได้สะดวกสบาย
เจลประคบร้อน-เย็น (Cold-Hot Gelpack) มีลักษณะเป็นห่อพลาสติกที่ด้านในบรรจุเจลที่สามารถใช้งานได้ทั้งในรูปแบบเจลร้อนและเย็น ตัวเจลด้านในมีคุณสมบัติกักเก็บอุณหภูมิได้ดี และใช้รักษาและบรรเทาอาการต่างกัน โดยเจลประคบร้อน-เย็นสามารถใช้ซ้ำได้หลายครั้ง ประสิทธิภาพยังคงเดิม
การมีแผ่นเจลประคบร้อน-เย็นติดบ้านเอาไว้นั้น มีประโยชน์มากกว่าที่คิด ไม่ว่าจะเป็นอาการปวด บวม เกร็ง ก็สามารถใช้ได้แต่ควรต้องดูให้ดีว่าอาการที่เป็นนั้นควรต้องประคบร้อนหรือเย็น เพื่อช่วยบรรเทาอาการเหล่านั้นได้ เจลประคบร้อน-เย็นยังสามารถนำกลับมาใช้ซ้ำได้เรื่อย ๆ จึงมีระยะการใช้งานที่ยาวนาน คุ้มค่าอย่างแน่นอน โดยคุณสามารถสั่งซื้อเจลประคบร้อน-เย็นที่ได้มาตรฐานและมีประสิทธิภาพผ่านช่องทางดังนี้
- โทร: 02-018-2100
- Line: @samhealth
สรุปบทความ
จะเห็นได้ว่า การใช้เจลประคบร้อน หรือประคบเย็น มีประโยชน์ทั้งสองอย่าง เราจึงควรเลือกใช้ให้ถูกกับเวลาและสาเหตุที่เป็น ก็จะช่วยบรรเทาความเจ็บปวด ลดอาการอักเสบลงได้มาก