โรค RSV คืออะไร ภัยเงียบที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนไม่ควรมองข้าม

โรค RSV คืออะไร ภัยเงียบที่ผู้ใหญ่หลาย ๆ คนไม่ควรมองข้าม

หลายคนอาจเคยได้ยินเกี่ยวกับไวรัส RSV ในเด็กเล็ก แต่รู้หรือไม่ว่าโรคนี้สามารถเกิดขึ้นได้กับผู้ใหญ่เช่นกัน โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เชื้อไวรัส RSV สามารถก่อให้เกิดการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง โดยติดต่อผ่านละอองฝอยจากการไอ จาม หรือการสัมผัสกับสารคัดหลั่งของผู้ป่วย ในบทความนี้ เราจะมาทำความรู้จักกับโรค RSV ให้มากขึ้น เพื่อให้คุณสามารถป้องกันและดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสม

โรค RSV คืออะไร

โรค RSV หรือ Respiratory Syncytial Virus คือการติดเชื้อไวรัสที่ส่งผลต่อระบบทางเดินหายใจโดยตรง แม้ว่าโดยทั่วไปจะพบการติดเชื้อนี้ได้บ่อยในเด็กเล็ก แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป หรือผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหอบหืด โรคหลอดลมอุดกั้นเรื้อรังและผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง

ไวรัส RSV มักระบาดในช่วงฤดูฝนและฤดูหนาวของประเทศไทย โดยสามารถแพร่กระจายได้ง่ายในสถานที่แออัด เช่น โรงเรียน สถานดูแลผู้สูงอายุ ฯลฯ โดยไวรัสชนิดนี้สามารถมีชีวิตอยู่ในสิ่งแวดล้อมได้นานหลายชั่วโมงและอยู่บนมือได้นานกว่าครึ่งชั่วโมงหากไม่ได้ล้างมือให้สะอาด โดยทั่วไป ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ประมาณ 4 – 6 วันหลังจากได้รับเชื้อ ถึงจะเริ่มแสดงอาการออกมา 

อาการของโรค RSV มีอะไรบ้าง

โรค RSV อาการในผู้ใหญ่มักเริ่มต้นคล้ายกับไข้หวัดทั่วไป แต่อาจจะค่อย ๆ รุนแรงขึ้นได้ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีโรคประจำตัว อาการที่พบได้แบ่งออกเป็นหลายระดับ ตั้งแต่อาการเริ่มต้นไปจนถึงอาการรุนแรงที่ต้องพบแพทย์ทันที 

โดยอาการอาการเริ่มต้นของไวรัส RSV มักจะมีอาการไข้ต่ำ ๆ น้ำมูกไหล เจ็บคอ ระคายเคือง มีอาการไอแห้ง อ่อนเพลียและเบื่ออาหาร หากปล่อยทิ้งไว้ อาการอาจมีความรุนแรงขึ้นจนเกิดภาวะแทรกซ้อน เช่น อาการหายใจลำบาก มีเสียงวี้ด (Wheezing) หายใจเร็วและตื้น หอบเหนื่อยถึงแม้จะทำแค่กิจกรรมเบา ๆ 

อาการของโรค RSV ผู้ใหญ่

สาเหตุของการเกิดโรค RSV ในผู้ใหญ่

การติดเชื้อไวรัส RSV ในผู้ใหญ่มีสาเหตุหลักมาจากหลายปัจจัย ซึ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อและอาจทำให้อาการรุนแรงขึ้นได้ มาดูกันว่ามีปัจจัยใดบ้าง ดังนี้ 

1. ภูมิคุ้มกันต่ำลง

เมื่ออายุมากขึ้น ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลงตามธรรมชาติ (Immunosenescence) ส่งผลให้การผลิตเซลล์ภูมิคุ้มกันทั้งเซลล์บี (B cell) และเซลล์ที (T cell) ลดลง ทำให้ประสิทธิภาพในการต่อสู้กับเชื้อโรคลดลง นอกจากนี้ ความสามารถในการจดจำเชื้อโรคของระบบภูมิคุ้มกันก็ลดลงด้วย ส่งผลให้มีโอกาสติดเชื้อ RSV ซ้ำได้ง่ายขึ้น 

2. โรคประจำตัว

ผู้ใหญ่ที่มีโรคประจำตัวมีความเสี่ยงสูงในการติดเชื้อ RSV โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินหายใจ เช่น โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) หรือโรคหอบหืด รวมทั้งผู้ที่มีโรคหัวใจ เบาหวานหรือโรคไตเรื้อรัง ก็มีความเสี่ยงสูงเช่นกัน เนื่องจากโรคเหล่านี้ส่งผลต่อการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้เมื่อติดเชื้อไวรัส RSV ก็มักจะมีอาการที่รุนแรงกว่าคนทั่วไปอีกด้วย  

3. สภาพแวดล้อม

สภาพแวดล้อมเป็นปัจจัยสำคัญที่เพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส RSV โดยเฉพาะการอยู่ในสถานที่แออัด มีการระบายอากาศไม่ดีหรือการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ติดเชื้อ โดยเฉพาะเด็กเล็กที่อาจเป็นพาหะของเชื้อ RSV รวมทั้งการเดินทางไปในพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อก็ยิ่งเพิ่มความเสี่ยงในการติดเชื้อเช่นกัน 

โรค RSV ในผู้ใหญ่อันตรายไหม

การติดเชื้อ RSV อาการในผู้ใหญ่ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุมักจะมีความรุนแรงมากกว่าในวัยอื่น ๆ เนื่องจากระบบภูมิคุ้มกันที่อ่อนแอลงตามวัย และหากมีโรคประจำตัวร่วม ก็จะทวีคูณความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงขึ้นได้ โดยสามารถแบ่งระดับความรุนแรงได้ตามอาการ ดังนี้

  • อาการเล็กน้อย จะมีอาการคล้ายกับเป็นไข้หวัดธรรมดา สามารถดูแลรักษาตัวเองเบื้องต้นได้ที่บ้าน เช่น ทานยาพาราเซตามอลตามอาการ แนะทำให้ตรวเช็กอุณหภูมิร่างกายของตนเองงอยู่สม่ำเสมอด้วยเทอร์โมมิเตอร์วัดไข้ 
  • อาการปานกลาง จะมีไข้สูง ไอมากและหายใจลำบาก แนะนำให้สังเกตอาการอย่างใกล้ชิด หากไม่มีท่าทีที่จะดูดีขึ้น แนะนำให้รีบเข้าพบแพทย์ 
  • อาการรุนแรง ในภาวะที่รุนแรง อาจเกิดภาวะปอดอักเสบ หายใจล้มเหลว จำเป็นต้องเข้ารับการรักษาอย่างใกล้ชิด  

ล้างมือบ่อย ๆ วิธีการป้องกันโรค RSV

วิธีการป้องกันโรค RSV

หากคุณมีความกังวลว่าจะเป็นติดไวรัส RSV หรือไม่ รวมทั้งเป็นห่วงทั้งผู้ใหญ่และเด็กเล็กที่บ้านอีกด้วย ก็สามารถป้องกันการติดเชื้อได้ด้วยวิธีการต่าง ๆ ดังนี้

  • รักษาสุขอนามัยที่ดี เช่น ล้างมือบ่อยๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาดก่อนทานอาหาร หรือเมื่อสัมผัสกับสิ่งสกปรก 
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสตา จมูก ปากโดยไม่จำเป็น
  • ใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือเมื่อไม่มีน้ำและสบู่
  • ป้องกันการแพร่กระจายเชื้อด้วยการสวมหน้ากากอนามัยเมื่ออยู่ในที่สาธารณะ
  • ปิดปากและจมูกเมื่อไอหรือจาม
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน ด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ออกกำลังกายสม่ำเสมอและพักผ่อนให้เพียงพอ 
  • ฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันการติดเชื้อจากไวรัส RSV

สรุป 

โรค RSV คือโรคที่ไม่ได้พบแค่ในเด็กเท่านั้น แต่ผู้ใหญ่ก็สามารถติดเชื้อได้เช่นกัน โดยเฉพาะในกลุ่มเสี่ยงอย่างผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว อาการของโรคอาจเริ่มต้นคล้ายไข้หวัดธรรมดา แต่สามารถรุนแรงขึ้นจนเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ การป้องกันตัวเองด้วยการรักษาสุขอนามัยที่ดี หลีกเลี่ยงปัจจัยเสี่ยงและเสริมสร้างภูมิคุ้มกันที่ดี จึงเป็นสิ่งสำคัญที่จะช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อไวรัส RSV ได้