อาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนังเป็นภาวะที่พบได้บ่อยในชีวิตประจำวัน เกิดจากการกระแทกหรือการบาดเจ็บที่ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังแตก ส่งผลให้มีเลือดคั่งใต้ผิวหนังและเกิดรอยช้ำที่มีสีม่วงคล้ำ แต่ส่วนใหญ่อาการเลือดคั่งใต้ผิวหนังรักษาได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่บ้าน ในบทความนี้ เราจะมาทำความเข้าใจเกี่ยวกับสาเหตุของการเกิดห้อเลือด อันตรายที่อาจเกิดขึ้น วิธีการรักษาและการป้องกันที่ถูกต้อง เพื่อให้คุณสามารถดูแลตัวเองได้อย่างเหมาะสมเมื่อเกิดอาการเหล่านี้
สาเหตุของการเกิดห้อเลือด
การเกิดอาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนังมักมีสาเหตุหลักมาจากการได้รับบาดเจ็บหรือการกระแทกที่รุนแรง ทำให้เส้นเลือดฝอยใต้ผิวหนังเกิดการฉีกขาด ส่งผลให้เลือดรั่วออกมาสะสมอยู่ใต้ผิวหนัง เช่น โดนของหนักหล่นใส่ เดินสะดุดวัตถุที่มีความแข็ง หรือแม้แต่การโดนประตูหนีบก็ทำให้เกิดอาการเหล่านี้ได้ นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยอื่นที่อาจทำให้เกิดอาการห้อเลือดได้ง่ายขึ้น เช่น การรับประทานยาละลายลิ่มเลือด การขาดวิตามินที่จำเป็นต่อการแข็งตัวของเลือด หรือโรคที่เกี่ยวข้องกับการแข็งตัวของเลือด ในผู้สูงอายุมักพบอาการห้อเลือดได้ง่ายกว่า เนื่องจากผิวหนังบางและเปราะบางกว่าคนในวัยอื่น
ห้อเลือดอันตรายไหม
โดยทั่วไปอาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนังไม่ได้เป็นอันตรายร้ายแรง และมักหายได้เองภายใน 2 – 4 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม ในบางกรณีอาจเป็นสัญญาณเตือนของปัญหาสุขภาพที่ร้ายแรงได้ โดยเฉพาะเมื่อเกิดห้อเลือดบ่อยโดยไม่ทราบสาเหตุ หรือเกิดห้อเลือดขนาดใหญ่จากการกระแทกเพียงเล็กน้อย ควรพบแพทย์ทันทีหากพบว่ามีอาการปวดรุนแรง บวมมากหรือมีไข้ร่วมด้วย เพราะอาจเป็นสัญญาณของการติดเชื้อหรือการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คาดไว้
วิธีการรักษาห้อเลือด
การรักษาอาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนัง โดยเบื้องต้นสามารถทำได้ตามหลักปฏิบัติ RICE ดังนี้
1. ไม่เคลื่อนไหวบริเวณที่มีห้อเลือดบ่อยเกินไป
การพักการเคลื่อนไหวบริเวณที่มีอาการห้อเลือดเป็นสิ่งสำคัญในช่วงแรกของการรักษา เนื่องจากการเคลื่อนไหวมากเกินไปอาจทำให้เลือดออกเพิ่มขึ้นและทำให้อาการบวมช้ำรุนแรงมากขึ้น ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือการกดบริเวณที่มีห้อเลือดในช่วง 24 – 48 ชั่วโมงแรก เพราะอาจทำให้เส้นเลือดฉีกขาดเพิ่มและทำให้อาการแย่ลง แต่หลังจากผ่านไป 48 ชั่วโมงแล้ว สามารถเริ่มขยับเบา ๆ ได้ เพื่อกระตุ้นการไหลเวียนของเลือด
2. ประคบเย็นในช่วง 48 ชั่วโมงแรก
การประคบเย็นเป็นวิธีการรักษาเบื้องต้นที่มีประสิทธิภาพสำหรับอาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนัง โดยควรเริ่มประคบเย็นทันทีหลังเกิดการบาดเจ็บและทำต่อเนื่องในช่วง 48 ชั่วโมงแรก การประคบเย็นจะช่วยลดการไหลเวียนของเลือดในบริเวณที่บาดเจ็บ ลดอาการบวมและบรรเทาอาการปวด วิธีการประคบที่ถูกต้อง คือใช้ผ้าห่อน้ำแข็งหรือใช้เจลประคบร้อนเย็น ประคบบริเวณที่มีห้อเลือด ครั้งละ 15 – 20 นาที ทำซ้ำทุก 1 – 2 ชั่วโมง
3. ยกบริเวณที่มีห้อเลือดให้สูงกว่าหัวใจ
การยกบริเวณที่มีอาการห้อเลือดให้อยู่สูงกว่าระดับหัวใจ เป็นวิธีการที่ช่วยลดอาการบวม และการคั่งของเลือดได้อย่างมีประสิทธิภาพ เพราะจะช่วยให้เลือดไหลเวียนกลับสู่หัวใจได้ดีขึ้น ลดการคั่งค้างของเลือดในบริเวณที่บาดเจ็บ ควรยกส่วนที่บาดเจ็บให้สูงกว่าระดับหัวใจประมาณ 15 – 30 องศา โดยใช้หมอนหรืออุปกรณ์รองรับที่นุ่มและมั่นคง ทำต่อเนื่องโดยเฉพาะในขณะนอนพักหรือนั่งเป็นเวลานาน
นอกจากนี้วิธีการรักษาอาการเลือดคั่งใต้ผิวหนัง ยังสามารถเน้นไปที่การลดอาการบวม บรรเทาอาการปวดและเร่งการฟื้นฟูของเนื้อเยื่อที่ได้รับบาดเจ็บ ทั้งนี้ การรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีจะช่วยให้อาการห้อเลือดหายเร็วขึ้นและลดโอกาสการเกิดภาวะแทรกซ้อนได้
วิธีการป้องกันอาการห้อเลือด
การป้องกันอาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนังสามารถทำได้หลายวิธี เช่น ระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ ในชีวิตประจำวัน หลีกเลี่ยงการกระแทกหรือการบาดเจ็บ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุหรือผู้ที่มีความเสี่ยงสูง ควรจัดบ้านให้ปลอดภัย กำจัดสิ่งกีดขวางที่อาจทำให้สะดุดล้มและสวมอุปกรณ์ป้องกันเมื่อทำกิจกรรมที่มีความเสี่ยง นอกจากนี้ การรับประทานอาหารที่มีวิตามินเค วิตามินซีและแร่ธาตุที่จำเป็นอย่างเพียงพอ จะช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับผนังเส้นเลือดและระบบการแข็งตัวของเลือด
สรุป
อาการห้อเลือดหรือเลือดคั่งใต้ผิวหนัง เป็นภาวะที่พบได้บ่อยและมักไม่ร้ายแรง สามารถรักษาได้ด้วยวิธีการง่าย ๆ ที่บ้าน เช่น การประคบเย็น การพักการเคลื่อนไหวและการยกบริเวณที่บาดเจ็บให้สูง อย่างไรก็ตาม ควรสังเกตอาการผิดปกติที่อาจเป็นสัญญาณอันตราย เช่น อาการปวดรุนแรง บวมมากหรือมีไข้ ซึ่งควรรีบพบแพทย์ทันที การป้องกันที่ดีที่สุด คือการระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ และการดูแลสุขภาพให้แข็งแรง รวมถึงการรับประทานอาหารที่มีสารอาหารครบถ้วน เพื่อช่วยเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับระบบเลือดและเส้นเลือดได้