อาการหัวโนเป็นอาการบาดเจ็บที่ส่วนใหญ่ มักเกิดจากการกระแทกของศีรษะกับวัตถุแข็งโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้เกิดอาการปวด บวมและมีรอยนูนขึ้นที่บริเวณที่ได้รับการกระแทก หลายคนอาจกังวลว่าอาการเหล่านี้จะเป็นอันตรายหรือไม่ และควรรับมืออย่างไร วันนี้จะพาคุณไปทำความรู้จักกับวิธีการดูแลรักษาอาการหัวโนอย่างถูกต้องและปลอดภัย รวมถึงสัญญาณอันตรายที่ควรสังเกตเพื่อป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเกิดขึ้นได้ ในบทความนี้กัน
อาการหัวโน คืออะไร
หัวโนหรือหัวปูดเป็นอาการบวมนูนที่เกิดขึ้นหลังจากศีรษะได้รับการกระแทกอย่างแรง ทำให้เส้นเลือดใต้ผิวหนังแตก เลือดและของเหลวจึงรั่วไหลมาสะสมใต้ผิวหนัง ทำให้เกิดอาการบวม ปวดและมีรอยนูนขึ้น โดยทั่วไปอาการหัวโนมักจะเกิดขึ้นทันทีหลังได้รับการกระแทก และอาจมีอาการปวดร่วมด้วย บริเวณที่บวมอาจมีสีแดงหรือม่วงคล้ำ และอาจมีความรู้สึกนุ่มเมื่อสัมผัส
หัวโน หัวปูด อันตรายไหม
อาการหัวโนหรือหัวปูดมักไม่เป็นอันตรายร้ายแรง และสามารถหายได้เองภายใน 1 – 2 สัปดาห์ อย่างไรก็ตาม หากการกระแทกรุนแรงหรือมีอาการผิดปกติอื่น ๆ เช่น อาเจียน วิงเวียนศีรษะ มึนงง ซึมหรือมีอาการชักร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณเตือนของอาการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิด ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพื่อตรวจวินิจฉัยและรับการรักษาที่เหมาะสม
วิธีรักษาอาการหัวโน หัวปูดเบื้องต้น
เมื่อเกิดอาการหัวโนหรือหัวปูด การรักษาเบื้องต้นที่ถูกต้องจะช่วยบรรเทาอาการและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้ โดยสามารถปฏิบัติตามวิธีเบื้องต้นได้ ดังนี้
1. ไม่ควรขยับตัวเยอะ
หลังจากเกิดอาการหัวโน ควรพักผ่อนและหลีกเลี่ยงการเคลื่อนไหวที่รุนแรง เพราะการขยับตัวมากเกินไปอาจทำให้เลือดไหลเวียนเพิ่มขึ้น ส่งผลให้อาการบวมมากขึ้น นอกจากนี้ ควรจัดท่านอนให้ศีรษะสูงกว่าลำตัวเล็กน้อย เพื่อช่วยลดการเลือดคั่งใต้ผิวหนังในบริเวณที่มีอาการบวม รวมทั้งการพักผ่อนอย่างเพียงพอก็จะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วขึ้น
2. ใช้น้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเช็ด
การทำความสะอาดบริเวณที่เกิดหัวโนด้วยน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเป็นสิ่งสำคัญ เพราะจะช่วยป้องกันการติดเชื้อและลดความเสี่ยงของภาวะแทรกซ้อน ควรใช้สำลีหรือผ้าสะอาดชุบน้ำเกลือหรือน้ำสะอาดเช็ดเบา ๆ รอบบริเวณที่บวม หลีกเลี่ยงการกดแรง ๆ เพราะอาจทำให้เจ็บปวดมากขึ้น และควรทำความสะอาดอย่างน้อยวันละ 2 – 3 ครั้ง
3. ประคบเย็น-ร้อน
หัวโนใช้อะไรประคบ ประคบร้อนหรือเย็นดี สำหรับการรักษาอาการหัวโน ในช่วง 24 – 48 ชั่วโมงแรก การประคบเย็นจะช่วยลดอาการบวมและปวดได้ดี โดยใช้เจลประคบร้อนเย็นหรือถุงน้ำแข็งห่อผ้าประคบครั้งละ 15 – 20 นาที ทุก 2 – 3 ชั่วโมง หลังจากผ่านไป 48 ชั่วโมง สามารถเปลี่ยนเป็นการประคบร้อนเพื่อช่วยกระตุ้นการไหลเวียนของเลือดและช่วยให้อาการบวมยุบเร็วขึ้นได้
4. ทานยาแก้ปวด
หากหัวโนมีอาการปวดมาก สามารถรับประทานยาแก้ปวดพาราเซตามอลเพื่อบรรเทาอาการได้ ควรทานตามขนาดที่ระบุในฉลากยาอย่างเคร่งครัด และหลีกเลี่ยงการใช้ยาแอสไพรินหรือยาต้านการอักเสบที่ไม่ใช่สเตียรอยด์ (NSAIDs) ในช่วง 24 ชั่วโมงแรก เพราะอาจเพิ่มความเสี่ยงของการมีเลือดออกใต้ผิวหนัง ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนใช้ยาทุกครั้ง
5. หากยังไม่ดีขึ้น ควรรีบไปพบแพทย์
หากอาการหัวโนไม่ดีขึ้นภายใน 24 – 48 ชั่วโมง หรือมีอาการผิดปกติเพิ่มเติม เช่น ใช้เทอร์โมมิเตอร์วัดไข้วัดอุณหภูมิร่างกายแล้วก็ยังสูงอยู่ มีอาการปวดศีรษะรุนแรง คลื่นไส้อาเจียน มึนงง สับสน ง่วงซึมผิดปกติ หรือมีเลือดหรือของเหลวไหลออกจากหู จมูก ควรรีบไปพบแพทย์ทันที เพราะอาจเป็นสัญญาณของการบาดเจ็บที่รุนแรงกว่าที่คิด การได้รับการตรวจวินิจฉัยและการรักษาที่เหมาะสมจะช่วยป้องกันภาวะแทรกซ้อนที่อาจเป็นอันตรายได้
สรุป
อาการหัวโนและหัวปูดเป็นอาการที่พบได้บ่อยจากอุบัติเหตุในชีวิตประจำวัน แม้ส่วนใหญ่จะไม่รุนแรงและสามารถรักษาได้ด้วยตนเอง แต่การดูแลอย่างถูกวิธีก็มีความสำคัญ การประคบเย็นในช่วงแรก การพักผ่อนอย่างเพียงพอ และการสังเกตอาการผิดปกติ จะช่วยให้อาการดีขึ้นได้เร็ว อย่างไรก็ตาม หากมีอาการรุนแรงหรือผิดปกติ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อรับการตรวจวินิจฉัยและรักษาอย่างเหมาะสม การป้องกันด้วยการระมัดระวังในการทำกิจกรรมต่าง ๆ จะช่วยลดความเสี่ยงของการเกิดอาการหัวโนได้แน่นอน