การเผาผลาญลดลง Growth Hormone ลดลง

การเผาผลาญไขมันขณะหลับ

การเผาผลาญลดลง Growth Hormone ลดลง ต้องดูแลตัวเองยังไงให้เฟริ์ม

อายุที่มากขึ้น โกรทฮอร์โมนจะลดลง 15% ทุกๆ 10 ปี จนเมื่ออายุ 60 ปี โกรทฮอร์โมนจะลดลงเหลือต่ำกว่า 10% ของวัยหนุ่มสาว
สาวๆวัย 20 ต้นๆอาจมีปัญหาเรื่องต้นแขนต้นขา ที่ไม่เฟิร์มกระชับ ยิ่งลดน้ำหนักผิดวิธี ยิ่งย้วย ไม่มั่นใจหนักเข้าไปอีก แต่พอตัวเลขขึ้นเลข 3 เลข 4 แล้วหล่ะก็คราวนี้ ทั้งต้นแขน ต้นขา และที่เพิ่มมาอีกอย่างคือ หน้าท้อง พุงน้อยๆมันเริ่มออก จะใส่เสื้อเอวลอย หรือกางเกงเอวต่ำหรอ นั่งที พุงปลิ้นค่ะ
แค่ทานอาหารตามเดิมปกติ แต่ไม่ได้ออกกำลังกาย แค่นี้ก็มีพุงแล้ว พุงนี้ เกิดจาก belly fat หรือไขมันที่ช่องท้องค่ะ เป็นปัญหาหลักของสาวออฟฟิสเลย เพราะเห็นการเปลี่ยนแปลงชัด และลดยากมากสำหรับสาวๆที่ไม่ออกกำลังกาย

ปัญหาเหล่านี้ คือ การไม่เฟิร์ม กระชับ ค่ะ การแก้ปัญหาจริงๆต้องออกกำลังกาย และเล่นเฉพาะที่เพื่อลดไขมันบริเวณนั้นค่ะ อันนี้แค่ลดไขมันก่อนนะคะ หลังจากนั้นก็ต้องเล่นเวท เพื่อเสริมสร้างกล้ามเนื้อให้ดูฟิตเฟิร์ม สาวๆหลายคนแค่อ่านก็คงบอกกับตัวเองว่า ทำไม่ได้หรอก นานด้วย ใช้ค่ะใช้เวลา แต่เราสามารถทำได้นะคะ หรือจะลองเลือกการออกำลังกายง่ายๆที่บ้านก่อนนอน หรือ ท่าบริหารง่ายๆที่ทำงานก็ได้ค่ะ
1. ขยับบ่อยๆ: ถ้าตารางแน่นจนไม่มีคิวออกกำลังกาย สาวๆ ควรเปลี่ยนพฤติกรรมในชีวิตประจำวันเล็กๆ น้อยๆ เช่น ขึ้นบันได้แทนการใช้ลิฟต์ในที่ทำงาน หรือ เดินแทนการขึ้นรถมอเตอร์ไซค์ เป็นต้น
2. นวดต้นขา : ในปัจจุบันมีเจลลดต้นขาหรือครีมกระชับต้นขา เราสามารถนำเจลมานวดบริเวณต้นขาประมาณ 20 – 30 นาทีต่อวัน เพื่อให้สารสกัดและส่วนประกอบต่างๆ ซึมซาบลงสู่ชั้นใต้ผิวหนัง และเข้าไปสลายไขมันและเซลลูไลต์ที่สะสมตามต้นขา จึงทำให้ต้นขากระชับและเล็กลง
3. เอาขาหนีบหนังสือ : เพียงแค่คุณนำหนังสือมาไว้ที่หว่างขา (บริเวณต้นขา) โดยหนังสือนี้จะต้องหนาไม่ต่ำกว่า 5 เซนติเมตร และทำไว้ประมาณวันละ 30 นาที – 1 ชั่วโมง ทำได้ทั้งตอนเล่นเกมส์ ทำงานหรือ ดูละคร ลองทำติดต่อกันอย่างสม่ำเมสอ เห็นผลแน่นอน
4. ออกกำลังกายที่เจาะจงสำหรับแขนโดยเฉพาะ : การออกกำลังกายจะช่วยสลายไขมันต้นแขนได้อย่างถาวร และสร้างกล้ามเนื้อขึ้นมาแทนที่ โดยอาจจะมีอุปกรณ์เสริม เช่น ยกดัมดัมเบล ซึ่งจะช่วยลดไขมันต้นแขนได้เป็นอย่างดี หรืออาจใช้ขวดที่บรรจุน้ำไว้เต็มแทนก่อนก็ได้ค่ะ
5. ปรับเปลี่ยนพฤติกรรมการทาน : พยายามเลี่ยง หรือ ลดปริมาณอาหารที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูงน้อยลง หันมาเลือกรับประทานอาหารจำพวกผักหรือผลไม้ที่หวานน้อย หรือ ทานอาหารจากภาชนะที่เล็กกว่าเดิมเพื่อลดปริมาณค่ะ วิธีก็จะเป็นการไม่สะสมไขมันเพิ่มเติม และยังเป็นการกระตุ้นนำไขมันเก่ามาเผาผลาญมากขึ้นอีกด้วย
6. ลดจำนวนแคลอรี่ 500 ต่อวัน : วิธีนี้จะแบ่งเป็นการลดอาหาร 250 แคลอรี่ และการออกกำลังกาย 250 แคลอรี่ เราสามารถลดน้ำหนัก 0.5 กิโลกรัมได้ภายใน 1 อาทิตย์

แต่สำหรับใครที่คิดว่าไม่สามารถออกกำลังดูแลตัวเองได้สม่ำเสมอ ลองหาตัวช่วย ที่ปลอดภัย ที่ช่วยลดไขมันและเสริมสร้างมวลกล้ามเนื้อดูนะคะ ยิ่งใครต้องการตัวช่วยเฉพาะที่ต้องเลือกตัวช่วยที่มีงานวิจัยสนับสนุนค่ะ