คนเป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง เพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย

คนเป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง เพื่อประโยชน์ต่อร่างกาย

หลายคนที่เป็นเบาหวานต่างมีข้อสงสัยกันว่า เป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง? เพราะโรคนี้ต้องเน้นการคุมน้ำตาล จึงมีข้อห้ามเรื่องอาหารการกินเยอะแยะมากมาย สร้างความลำบากในการใช้ชีวิตอย่างมาก ซึ่งผู้ที่ป่วยโรคนี้จะต้องปรับพฤติกรรมในการรับประทานเพื่อไม่ให้กระทบกับอาการที่เป็น 

มีอาหารและผลไม้หลายชนิดที่ผู้ป่วยสามารถรับประทานได้อย่างปลอดภัย แต่ต้องควบคุมปริมาณในการกินให้พอเหมาะ ซึ่งก็ทำให้หลายคนไม่มั่นใจว่าจะทานผลไม้ได้หรือไม่ หรือในบางรายก็อาจทานผลไม้ทุกชนิดและละเลยในการควบคุมน้ำตาลจากผลไม้ไปเลย เพราะเข้าใจว่าผลไม้ทุกชนิดกินได้อย่างไม่จำกัดถือเป็นอาหารมีประโยชน์ต่อสุขภาพ 

ซึ่งจริง ๆ ผู้ป่วยเบาหวานจะทานผลไม้ได้แค่บางชนิดที่หวานน้อยเท่านั้น โดยไม่ควรทานผลไม้ที่มีน้ำตาลสูง แล้วผลไม้อะไรบ้างล่ะที่จะสามารถทานได้ บทความนี้เรามีผลไม้ 7 ชนิดที่คนเป็นเบาหวานทานได้ มาฝากกัน

แนะนำ 7 ผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานกินได้

ผลไม้ที่ผู้ป่วยเบาหวานสามารถรับประทานได้มีหลายชนิด โดยควรจะเลือกทานผลไม้ที่มีน้ำตาลน้อย และทานในปริมาณที่พอเหมาะ ที่สำคัญเลย คือ ควรเลือกผลไม้ที่มีกากใยสูง เพื่อช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว สำหรับใครที่สงสัยว่าเป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้างนั้นติดตามกันได้เลย

1. แอปเปิล

แอปเปิล

สำหรับคำถามที่ว่า เป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง? ผลไม้ชนิดแรกที่อยากแนะนำเลยก็คือแอปเปิล เพราะมีวิตามินที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง ปริมาณแคลอรี่ต่ำ ทานแล้วไม่อ้วน ซึ่งปริมาณที่แนะนำให้ทานต่อวัน คือ ควรทานวันละ 1 ลูก โดยสามารถเลือกทานได้ทั้งแอปเปิลเขียวหรือแอปเปิลแดงเลย

2. ส้ม

ส้ม

อีกหนึ่งชนิดที่อยากแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานทานก็คือ ส้ม เนื่องจากเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูง ช่วยต่อต้านอนุมูลอิสระ เสริมสร้างร่างกายที่แข็งแรงและช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน โดยควรทานส้มสายพันธุ์ที่ไม่หวาน และควรรับประทานส้มเป็นผล ไม่ควรทานน้ำส้มคัน เหตุผลที่ควรทานส้มเป็นลูกเพราะจะได้ใยอาหารที่สูงกว่าส้มคันนั่นเอง สามารถทานได้วันละ 1 ผลใหญ่ หรือผลเล็ก 2 ผลต่อวัน

3. ฝรั่ง

ฝรั่ง

คนป่วยที่เป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง ฝรั่ง คือ หนึ่งในผลไม้ที่ต้องแนะนำให้ผู้ป่วยเบาหวานทานเลย เพราะในฝรั่งนั้นมีกากใยสูง แคลอรีน้อย และน้ำตาลน้อย มีวิตามินซีที่สูงกว่าส้มอีกด้วย แต่การทานฝรั่งสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน แนะนำว่าไม่ควรทานพร้อมกับพริกเกลือใด ๆ เลย ไม่ว่าจะเป็นพริกเลือกบ๊วย น้ำปลาหวาน หรือกะปิหวาน ก็ไม่ควรทานเด็ดขาด เพราะสิ่งเหล่านี้ล้วนเป็นตัวการสำคัญที่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น ควรทานแต่ฝรั่งเพียว ๆ จะดีที่สุดและจำกัดปริมาณโดยทานไม่เกินวันละ 1 ลูกสำหรับผลเล็ก หรือไม่เกิน ½ ลูกสำหรับผลใหญ่

4. แตงโม

แตงโม

หลายคนมักเข้าใจว่าแตงโม คือ ผลไม้ต้องห้ามของคนป่วยเบาหวานจริงไหม? คำตอบ คือ ก็ไม่เชิงเป็นเช่นนั้นซะทีเดียว แม้ว่าแตงโมจะมีสาร carotenoids ซึ่งจัดอยู่ในกลุ่มของสารต้านอนุมูลอิสระ ถือว่าเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์กับร่างกาย และมีแคลอรีน้อย แต่ก็มีรสหวานจัดจนทำหลายคนกลัวว่าจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงขึ้น หากว่าผู้ป่วยเบาหวานคนไหนที่ชื่นชอบในการทานแตงโมมาก ๆ เสียจริง ก็สามารถทานแตงโมได้ โดยควรควบคุมปริมาณในการทาน โดยไม่ควรทานเกิน 5-6 ชิ้นพอดีคำต่อวัน

5. องุ่น

องุ่น

ผลไม้ยอดนิยมในใจของหลาย ๆ คนอีกหนึ่งชนิดก็คือ องุ่น ซึ่งก็มีหลายพันธุ์ มีทั้งรสหวานจัด เปรี้ยวจัด หรือเปรี้ยวอมหวาน องุ่นถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายประการ ทั้งมีวิตามินและสารต้านอนุมูลอิสระหลายชนิด จริง ๆ แล้วองุ่นจัดเป็นผลไม้ที่คนเป็นเบาหวานควรหลีกเลี่ยง แต่หากผู้ป่วยเบาหวานท่านไหนที่ชื่นชอบการทานองุ่นจริง ๆ ก็อาจจะทานได้เพียงเล็กน้อยเท่านั้น ไม่ควร 5-6 ผลต่อวัน และควรเป็นองุ่นที่มีรสไม่หวานเท่านั้น

6. กล้วย

กล้วย

ผู้ป่วยเป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง คำตอบมักไม่มีกล้วย เพราะจริง ๆ แล้วกล้วยถือเป็นผลไม้รสชาติค่อนข้างหวานมากเลยทีเดียว หลายคนเลยสงสัยว่าถ้าเป็นเบาหวานจะทานกล้วยได้อย่างปลอดภัยจริงหรอ? เหตุผลที่คนเป็นเบาหวานสามารถทานกล้วยได้บ้างนั้น เพราะกล้วยถือเป็นผลไม้ที่มีประโยชน์ต่อร่างกายสูง มีวิตามินและมีเส้นใยสูงมาก หากทานในปริมาณที่พอดีจะช่วยคุมน้ำตาลในเลือดได้ สำหรับปริมาณที่พอเหมาะที่ควรทานต่อวัน คือ ถ้าเป็นกล้วยหอมสามารถทานได้ครึ่งผล หากเป็นกล้วยไข่ หรือกล้วยน้ำว้าจะสามารถทาน 1 ผลเต็ม ๆ นั่นเอง

7. สตรอว์เบอร์รี

สตรอว์เบอร์รี

สตรอว์เบอร์รีถือเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ และวิตามินหลายชนิดที่มีประโยชน์กับร่างกาย ถ้าสำหรับคนปกติจะขอบอกเลยว่ายิ่งทานบ่อยยิ่งได้ประโยชน์มาก เนื่องจากในสตรอว์เบอร์รีมีสาร thocyanin และ ellagitannins ช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลิน จึงไม่ทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูง 

แต่ในผู้ป่วยเบาหวานจะต้องระวังในเรื่องปริมาณการรับประทาน เพราะในสตรอว์เบอร์รีก็มีน้ำตาลเช่นกัน และที่สำคัญคือต้องทานแบบสด ๆ เท่านั้น ไม่แนะนำให้ทานแบบแช่แข็ง หรือแปรรูป โดยปริมาณที่แนะนำในการรับประทานสตรอว์เบอร์รีสำหรับผู้ป่วยเบาหวาน คือ  5-8 ผลต่อวัน

ผลไม้ กินอย่างไรไม่ให้เสี่ยงเป็นโรคเบาหวาน

หลังอ่านมาถึงตรงนี้ คงได้คำตอบกันแล้วว่าเป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง เพื่อให้ทานผลไม้ได้อย่างปลอดภัย และห่างไกลจากโรคเบาหวาน เรามี 4 ข้อในการพิจารณาเลือกทานผลไม้มาฝากกันดังนี้

  1. เพื่อให้ได้ประโยชน์มากที่สุดจากการทานผลไม้ ควรทานผลไม้สดเท่านั้น ไม่แนะนำให้ทานผลไม้แปรรูป เพราะสารอาหารในผลไม้จะลดลงจากการแปรรูป อีกทั้งยังอาจมีการใส่น้ำตาลเพิ่มเพื่อปรับรสชาติร่วมด้วย ซึ่งจะยิ่งเพิ่มระดับน้ำตาลในเลือกได้
  2. ควรทานในปริมาณที่พอเหมาะ เช่น แบ่งรับประทานในแต่ละมื้อ เพราะผลไม้บางชนิดไม่ควรทานเยอะให้หมดในคราวเดียว เพราะจะกระตุ้นระดับน้ำตาลในเลือดให้สูงขึ้นอย่างรวดเร็วจนเกินไป
  3. ควรรับประทานผลไม้ให้หลากหลายชนิด ไม่ควรทานผลไม้ชนิดเดิม ๆ ซ้ำ เพื่อให้ได้รับวิตามินแร่ธาตุหลายหลาก อีกทั้งยังได้เปลี่ยนรสชาติใหม่ ๆ ได้ด้วย 
  4. ควรทานผลไม้สด หรือไม่แปรรูปเป็นน้ำผมไม้ เพราะในน้ำผมไม้จะมีใยอาหารน้อยกว่าผลไม้สด โดยใยอาหารที่มีในผลไม้สดนี้ ล้วนมีส่วนช่วยในควบคุมการดูดซึมของน้ำตาลได้ ซึ่งจะช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดได้ด้วยนั่นเอง

แต่หากใครที่เป็นเบาหวานแล้วมีความกังวลว่ากินผลไม้เข้าไปแล้วจะทำให้ระดับน้ำตาลในเลือดสูงจนเกินไปหรือไม่? สามารถใช้เครื่องวัดน้ำตาลในเลือด วัดค่าน้ำตาลในทุก ๆ วัน เพื่อควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้คงที่ได้แบบวันต่อวัน เช่น หากเมื่อวานพบว่าระดับน้ำตาลในเลือดสูง วันต่อมาจะได้ควบคุมและจัดการกับพฤติกรรมการบริโภคได้อย่างเหมาะสม จะช่วยให้ควบคุมอาการของโรคเบาหวานได้ดียิ่งขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้นั่นเอง

สรุปบทความ

เป็นเบาหวานกินผลไม้อะไรได้บ้าง? จริง ๆ แล้วผู้ป่วยเบาหวานสามารถทานผลไม้ได้หลากหลายชนิด แต่ควรทานผลไม้ที่ระดับน้ำตาลไม่สูงมากจนเกินไป และควรทานในปริมาณที่พอเหมาะต่อวัน ที่สำคัญควรเลือกทานอาหารให้ครบหมู่ โดยเน้นการทานผัก และผลไม้ที่รสชาติไม่หวาน จะช่วยเพิ่มใยอาหาร อีกทั้งยังช่วยให้ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดได้ดียิ่งขึ้น 

โรคเบาหวานไม่ได้อันตรายอย่างที่คิด ถ้ามีวินัยในการดูแลตัวเองตามที่แพทย์แนะนำ และควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในเกณฑ์ที่เหมาะสมอยู่เสมอ ก็จะช่วยให้เราอยู่ร่วมกับโรคนี้ได้อย่างปลอดภัย โดยไม่เกิดโรคแทรกซ้อนอื่น ๆ ตามมาได้นั่นเอง